การใช้นวัตกรรมการนิเทศแก้ปัญหาการอ่านการเขียนภาษาไทยของนักเรียน
Best Practice รางวัลที่ ๑ ระดับชาติ ปี ๒๕๕๔
ชื่อนวัตกรรม “คุณธรรมนิเทศ ๕ นำพานักเรียนให้อ่านออกเขียนได้”
-------------------------------------------------------------
๑.ความเป็นมา
สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาเชียงใหม่ เขต ๑ ตระหนักและเห็นความสำคัญจำเป็นในเรื่องการอ่านออกเขียนได้และการมีนิสัยรัก การอ่านของนักเรียน จึงได้กำหนดนโยบายการพัฒนาคุณภาพการเรียนรู้ภาษาไทยและการส่งเสริมนิสัยรัก การอ่านของสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาเชียงใหม่ เขต ๑ ประจำปี ๒๕๕๑-๒๕๕๓ ขึ้น โดยเริ่มดำเนินการในการรวบรวมข้อมูลพื้นฐานด้านคุณภาพผู้เรียนช่วงชั้นที่ ๑-๔ ตั้งแต่ปี ๒๕๕๐ เป็นต้นมา โดยการบริหารคุณภาพการศึกษาของ ๔ อำเภอ มุ่งเน้นการมีส่วนร่วมของทุกฝ่ายในการบริหารโดยใช้โรงเรียนเป็นฐาน ในระดับอำเภอใช้การบริหารรูปแบบ “เครือ ข่ายพัฒนาคุณภาพการศึกษา”มีคณะทำงานของเครือข่ายเป็นผู้บริหารโรงเรียน และครูผู้สอนในอำเภอนั้นๆ เป็นทีมงานในการพัฒนาคุณภาพผู้เรียน ตามกำหนดในพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พุทธศักราช ๒๕๔๒ และหลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช ๒๕๔๔
สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาเชียงใหม่ เขต ๑ โดยกลุ่มนิเทศติดตามและประเมินผลการจัดการศึกษาได้ดำเนินการพัฒนา ส่งเสริม สนับสนุนและนิเทศติดตามในเรื่องการแก้ไขปัญหาของนักเรียนที่อ่านไม่ได้ เขียนไม่ได้ มีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนภาษาไทยอยู่ในเกณฑ์ต่ำไม่ได้ตามมาตรฐาน โดยดำเนินการอย่างเป็นระบบ กำหนดขั้นตอนและกระบวนการดำเนินงานชัดเจน ดำเนินงานอย่างต่อเนื่อง เน้นการมีส่วนร่วมของทุกฝ่าย ทั้งนี้เพื่อมุ่งสู่เป้าหมายหลัก ได้แก่ ผู้เรียนอ่านออกเขียนได้ตามมาตรฐานที่กำหนดในแต่ละระดับชั้น มีนิสัยรักการอ่าน ใฝ่เรียน ใฝ่รู้ และเป็นบุคคลแห่งการเรียนรู้ ซึ่งจะเป็นรากฐานสำคัญในการพัฒนาชุมชนและสังคมให้เข้มแข็งและยั่งยืนได้
๒.นวัตกรรมการนิเทศ
ที่กลุ่มนิเทศได้ดำเนินงาน ได้แก่ คุณธรรมนิเทศ ๕ นำพาให้นักเรียนอ่านออกเขียนได้”เป็นการใช้กระบวนการกัลยาณมิตรนิเทศ ที่ได้บูรณาการระหว่างแนวคิด ๓ ขั้นตอนการนิเทศ ของศาสตราจารย์สุมน อมรวิวัฒน์ และผู้รายงานได้คิดริเริ่มใช้เทคนิคการนิเทศ เรียกว่า “คุณธรรมนิเทศ ๕” ประกอบด้วย ยิ้ม ประนม ก้ม ขาน การให้ ซึ่งเป็นคุณลักษณะที่แสดงถึงความเป็นกัลยาณมิตรที่จะก่อให้เกิดผลดีในการ ทำงานระหว่างผู้นิเทศกับผู้รับการนิเทศ โดยนำมาใช้ใน ๓ ขั้นตอนการนิเทศดังกล่าว สร้างเป็นรูปแบบ(Model)ขึ้นและนำมาใช้ในการดำเนินงาน จนปรากฏต่อสถานศึกษา ผู้รับการนิเทศ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ดังนี้
ขั้นตอนที่ ๑ สร้างสังคมแห่งการเรียนรู้กับผู้รับการนิเทศ
ขั้นตอนที่ ๒ แลกเปลี่ยนประสบการณ์ที่ทำได้จริงกับผู้รับการนิเทศ
ขั้นตอนที่ ๓ ติดต่อสื่อสารสม่ำเสมอ
ขั้นตอนที่ ๑ สร้างสังคมแห่งการเรียนรู้กับผู้รับการนิเทศ
ได้แก่ ครูผู้สอน ผู้บริหาร และศึกษานิเทศก์ ด้วยการสร้างความสัมพันธ์อันดีต่อกัน แจ้งจุดมุ่งหมาย กำหนดแผนงาน แนะนำ สาธิต ฝึกปฏิบัติ ทำแผนการจัดการเรียนรู้ ผลิตสื่อ การวิจัยในชั้นเรียน และแผนการนิเทศ ฯลฯ
ขั้นตอนที่ ๒ แลกเปลี่ยนประสบการณ์ที่ทำได้จริงกับผู้รับการนิเทศ ที่เน้นการสร้างเครือข่าย ได้แก่ ครูเครือข่าย ผู้บริหารเครือข่าย ศึกษานิเทศก์เครือข่าย ทดลองปฏิบัติจริง ปรึกษาหารือ แลกเปลี่ยนเรียนรู้ ให้เอกสาร/สื่อ ให้คำปรึกษา แนะนำ ครูผู้สอนขยายเครือข่ายกว้างขึ้น
ขั้นตอนที่ ๓ ติดต่อสื่อสารสม่ำเสมอ ด้วยการนิเทศ ติดตาม เยี่ยมเยียนอย่างต่อเนื่อง ช่วยกันแก้ปัญหา และให้กำลังใจ
๓.การมีส่วนร่วมในการขับเคลื่อน
ความสำเร็จของการนิเทศที่เกิดขึ้น ได้กำหนดเงื่อนไข คือ
(๑) การอาสาปฏิบัติ
(๒) ร่วมคิดร่วมทำ
(๓) สร้างความเป็นมิตร
(๔) ทำงานเป็นทีม
(๕) ไม่มุ่งเน้นปริมาณ
ดังนั้นจึงมีการร่วมมือร่วมใจของทุกฝ่ายอย่างต่อเนื่อง ได้แก่ ศึกษานิเทศก์กลุ่มสาระภาษาไทย ๓ คน ศึกษานิเทศก์ทุกคนในกลุ่มนิเทศฯ รวม ๑๑ คน ศึกษานิเทศก์ที่รับผิดชอบกลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทยและการส่งเสริมนิสัย รักการอ่านของสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาอื่นๆ ทั่วประเทศ กลุ่มครูผู้สอนภาษาไทย ๕๙๔ คนและสาระอื่นๆ ๘๖๐ คน จากสถานศึกษาทุกแห่งในสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาเชียงใหม่ เขต ๑ กลุ่มผู้บริหารสถานศึกษา รวม ๙๓ คน กลุ่มผู้ปกครอง และกรรมการสถานศึกษาที่ร่วมพัฒนา ในปัจจุบันได้พัฒนาเป็นเครือข่ายการเรียนรู้อย่างกว้างขวางทั่วประเทศ
๔.การใช้ปัจจัยสู่ความสำเร็จ
ปัจจัยแห่งความสำเร็จ ได้แก่ คุณธรรมนิเทศ ๕ ที่ผู้รายงานได้ใช้โดยตลอด ในกระบวนการกัลยาณมิตรนิเทศ ได้แก่
(๑)ยิ้ม ยิ้มแย้มแจ่มใสเพื่อสร้างสัมพันธ์ไมตรีอันดีระหว่างผู้นิเทศกับผู้รับการนิเทศ
(๒)ประนม ให้ความเคารพด้วยการประนมมือไหว้จนเป็นนิสัย เป็นคุณลักษณะที่ผู้นิเทศควรกระทำเพื่อการเป็นตัวอย่างที่ดีงาม
(๓)ก้ม อ่อนน้อมถ่อมตนด้วยความจริงใจและนุ่มนวล เพื่อก่อให้เกิดมิตรไมตรีในการประสานงาน การนิเทศ
(๔)ขาน ใช้คำพูดสุภาพ จริงใจ และสม่ำเสมอ เพื่อส่งเสริมความรู้สึกที่ดีต่อกัน พร้อมที่จะร่วมมือร่วมใจขจัดปัญหาต่างๆและสร้างสรรค์สิ่งที่ดีงามแก่ เด็ก เน้นการพูดกระตุ้นให้ครูคิดหาวิธีการ/แนวทางในการทำงานด้วยตนเอง
(๕)การให้ ผู้ให้ย่อมเป็นที่รัก ยิ่งให้ยิ่งได้ได้ปฏิบัติจนเป็นนิสัย ได้แก่ ให้ความรู้ ให้คำแนะนำ ให้เวลา ให้โอกาส ให้กำลังใจ ให้สื่อ ให้ความเป็นมิตร ให้การแบ่งปัน และ ให้อภัย เป็นต้น ซึ่งส่งผลให้งานสำเร็จลุล่วงด้วยดีอย่างยิ่ง ปรากฏผลเชิงประจักษ์ชัดเจน
๕.แนวทางการพัฒนาต่อยอด ต่อเนื่องอย่างยั่งยืน
กลุ่มนิเทศได้กำหนดภาพความสำเร็จในอนาคต ๓ ประการ คือ
(๑)คุณภาพของครูผู้สอน
(๒)คุณภาพการจัดการเรียนรู้
(๓)คุณภาพผู้เรียนที่อ่านออก คิดเป็น เขียนได้สู่คุณภาพสังคมไทย พร้อมสู่ประชาคมอาเซียน
๖.การวางแผนต่อยอด ปี ๒๕๕๕-๒๕๕๖ ดังนี้
๖.๑ จัดทำแผนพัฒนาคุณภาพการเรียนรู้ภาษาไทยและการส่งเสริมนิสัยรักการอ่าน ของสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาเชียงใหม่ เขต ๑ ปี พ.ศ.๒๕๕๔-๒๕๕๘ (เดิมที่ได้จัดทำคือ แผนพัฒนาฯ ฉบับปี พ.ศ.๒๕๕๑-๒๕๕๓) โดยปรับเพิ่มนโยบาย/มาตรการ/กลยุทธ์/การดำเนินงาน ในเรื่องต่อไปนี้ คือ
๑.๑ การปฏิรูปการศึกษาทศวรรษที่สอง พ.ศ.๒๕๕๒-๒๕๖๑
๑.๒ จุดเน้นการพัฒนาคุณภาพการศึกษาของ สพฐ. ๑๐ ประการ พศ.๒๕๕๔-๒๕๕๖
๑.๓ การเตรียมพร้อมในการใช้ภาษาไทยและการสร้างนิสัยรักการอ่านอย่างยั่งยืนสู่การเป็นประชาคมอาเซียน ในปี พ.ศ.๒๕๕๘
๖.๒.ใช้กระบวนการกัลยาณมิตรนิเทศ โดยใช้คุณธรรมนิเทศ ๕ ที่ได้คิดริเริ่มขึ้นต่อไป โดยเพิ่มวิธีการ Coaching ในการนิเทศ เน้นการกระตุ้นให้ครูผู้สอนแสวงหาแนวทางและวิธีการจัดการเรียนรู้ เพื่อพัฒนาผู้เรียนด้านการอ่าน คิด เขียน และการเป็นผู้มีนิสัยรักการอ่าน ให้ครบเต็มพื้นที่ร้อยละ ๑๐๐
๖.๓.ใช้กระบวนการกัลยาณมิตรนิเทศ โดยใช้คุณธรรมนิเทศ ๕ ที่ได้คิดริเริ่มขึ้นต่อไป ใช้รูปแบบการจัดการความรู้ (KM : Knowledge Management) รวม ๗ ขั้นตอน คือ
(๑)การบ่งชี้ความรู้ ถึงความรู้ที่จะเป็นประโยชน์แก่องค์การและผู้ที่มีความรู้ โดยอิงจากยุทธศาสตร์หรือเป้าหมายขององค์กรได้แก่แผนกลยุทธ์ของสพฐ.และ สพป.เชียงใหม่ เขต ๑
(๒)การสร้างหรือแสวงหาความรู้ ที่เป็นประโยชน์เพื่อให้เกิดความเข้าใจในความรู้ที่เป็นประโยชน์
(๓)การจัดหมวดหมู่ความรู้ให้เป็นระบบสามารถเข้าถึงได้ง่ายและสามารถอ้างอิงได้
(๔)การประมวลและกลั่นกรององค์ความรู้ ให้สามารถเข้าใจได้ในรูปแบบที่เป็นมาตรฐาน กลั่นกรองความรู้ให้ถูกต้อง ครบถ้วนและเป็นปัจจุบัน
(๕)การเข้าถึงความรู้ :โดยเตรียมระบบการเข้าถึงความรู้ที่เหมาะสมเพื่อให้บุคลากรในองค์กรสามารถเข้าถึงความรู้ได้อย่างสะดวก รวดเร็วและในเวลาที่ต้องการ
(๖)การแบ่งปันแลกเปลี่ยนความรู้ :
(๗)การเรียนรู้นำไปใช้งาน ให้เกิดประโยชน์แก่องค์กรตามวัตถุประสงค์ที่กำหนดไว้
๗.การนำไปใช้ในสถานศึกษาอื่นและเผยแพร่ในวงกว้าง
ปัจจุบันผู้รายงานและกลุ่มนิเทศ มีเครือข่าย ดังนี้
๗.๑ มีเครือข่ายบุคคล ได้แก่ ครูผู้สอนภาษาไทยทุกคน ใน ๙๓ โรงเรียนในสังกัดสพป.เชียงใหม่ เขต ๑ และ สพป.อื่นๆ เครือข่ายผู้บริหารสถานศึกษาในสังกัด และสพป.อื่น ๆ ทั่วประเทศ
๗.๒ มีเครือข่ายองค์กร ได้แก่ สถานศึกษาในสังกัด สังกัด สพป.เชียงใหม่เขต ๑-๖และ สพป.อื่นๆทั่วประเทศ รวมทั้งสถานศึกษาสังกัดเทศบาล ผ่านเว็บไซต์ของสพป.เชียงใหม่ เขต ๑ กลุ่มงานพัฒนาหลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐานและกระบวนการเรียนรู้ และการติดต่อทางอีเมล์ auon10@gmailmail.com
มีสมาชิกเครือข่ายในเว็บไซต์ต่างๆ ดังนี้
- เว็บไซต์ Gotoknow คือ บ้านภาษาไทย , คลินิกเพื่อใจเพื่อนครู, Home School, เล่าขานการศึกษาไทย
- เว็บไซต์ครูบ้านนอกดอทคอม
- เว็บไซต์ของนางวัชราภรณ์ วัตรสุข(ผู้รายงาน)และบล็อกใน Google รวม ๖ บล็อก คือ
(๑)นิเทศออนไลน์ By ศน.อ้วน
(๒)คุณธรรมนิเทศ
- (๓) บ้านน้ำใสใจจริง
(๔) สิตะวัน
(๕) อ่านเอาเพื่อน
(๖)เมื่อดอกรักบาน
- Face Book กลุ่ม
(๑) รวมคนรักภาษาไทย
(๒) รักธรรมะ รักธรรมชาติ และ รักอ่าน
เข้าชม :
1396 [ ขึ้นบน ]
|