.gif)
การจัดกิจกรรมส่งเสริมนิสัยรักการอ่านผ่านบทเรียนโปรแกรมแบบมัลติพอยท์ในห้องสมุดคลังความรู้คู่เทคโนโลยี โรงเรียนอนุบาลเชียงใหม่
อาเซียน (ASEAN) หรือ สมาคมประชาชาติแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ก่อตั้งเมื่อวันที่ 8 สิงหาคม 2510 มีสมาชิก 10 ประเทศ ได้แก่ ไทย อินโดนีเซีย มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ สิงคโปร์ บรูไนดารุสซาลาม เวียดนาม ลาว พม่า และกัมพูชา อาเซียนมีพัฒนาการมาเป็นลำดับ ประสบความสำเร็จและเป็นที่ยอมรับของประชาคมระหว่างประเทศ ไม่ว่าจะเป็นบทบาทการสร้างบรรยากาศของสันติภาพและการอยู่ร่วมกันโดยสันติของประเทศในภูมิภาค การจัดตั้งเขตการค้าเสรีอาเซียนเรื่อยไปจนถึงการร่วมกันแก้ไขปัญหาภัยพิบัติทางธรรมชาติที่เกิดขึ้นภายในประเทศสมาชิกอาเซียน
การก้าวเข้าสู่การเป็นประชาคมอาเซียนในปี 2558 การเปิดเสรีอย่างเต็มรูปแบบ จะส่งผลกระทบอย่างไรต่อประเทศไทย และไทยจะยืนอยู่จุดไหนในประชาคมอาเซียน ก็ขึ้นอยู่กับการปรับตัวและการเตรียมความพร้อมของภาคส่วน การสร้างความตื่นตัว และให้ความรู้กับเยาวชนไทย ให้เกิดความตระหนักถึงโอกาสที่จะเกิดขึ้น ซึ่งกระทรวงศึกษาธิการได้กำหนดบทบาทดำเนินงานด้านต่างประเทศเชิงรุก โดยเน้นการกระชับความสัมพันธ์และการขยายความร่วมมือต่างๆ โดยเฉพาะกรอบความร่วมมือทางการศึกษา เนื่องจากการศึกษาเป็นรากฐานสำคัญในการขับเคลื่อนความเจริญรุ่งเรืองของบ้านเมืองเรา
โรงเรียนอนุบาลเชียงใหม่ ตระหนักถึงความสำคัญดังกล่าวจึงจัดกิจกรรมอาสาพาเรียนรู้สู่อาเซียน โดยใช้เทคโนโลยีมัลติพอยท์ที่เป็นกระบวนการการพัฒนาการเรียนรู้ในสภาพแวดล้อมที่เปิดโอกาสให้นักเรียนทุกคนในห้องเรียนมีปฏิสัมพันธ์โต้ตอบกับบทเรียนพร้อมกันได้จากเครื่องคอมพิวเตอร์เพียงเครื่องเดียว กล่าวคือ ถ้าในห้องเรียนมีคอมพิวเตอร์ 1 เครื่อง แต่มีนักเรียนมากถึง 40 คน เข้ามาใช้งานร่วมกัน การใช้เทคโนโลยีมัลติพอยท์ จะสามารถรองรับเมาส์ของนักเรียนทั้ง 40 คนได้พร้อมกัน แต่ละคนจะมีชื่อเรียกเมาส์ เช่น เด็กชาย ก. เด็กหญิง ข. เป็นต้น ภาพสัญลักษณ์ของเมาส์นักเรียน จะปรากฏบนจอภาพหน้าห้องเรียน เมื่อครูให้นักเรียนตอบคำถาม นักเรียนแต่ละคนจะใช้เมาส์ของตนเองคลิกคำตอบที่ต้องการ ระบบซอฟต์แวร์จะประมวลผลว่า นักเรียนตอบถูกกี่คน ตอบผิดกี่คน ทำให้นักเรียนทุกคนได้มีส่วนร่วมในกระบวนการเรียนรู้ สนุกคิด สนุกทำ ทำให้ผู้เรียนเกิดความเข้าใจ และกระตุ้นความสนใจได้เป็นอย่างดี ซึ่งการใช้เทคโนโลยีมัลติพอยท์สำหรับการเรียนรู้นั้นแตกต่างจากการใช้คอมพิวเตอร์ในโรงเรียนทั่วๆ ไปมาก เนื่องจากนักเรียนมีเมาส์เป็นของตนเอง สามารถใช้งานเมาส์เพื่อมีปฏิสัมพันธ์กับบทเรียนได้ทุกเมื่อทั้งสำหรับการเรียนและการเล่น ดังนั้น ครูจึงต้องปรับบทบาทการจัดการเรียนการสอนเพื่อให้ผู้เรียนได้รับความรู้จากการใช้เทคโนโลยีในการเรียนให้มากที่สุด
นอกจากจะใช้บทเรียนโปรแกรมแบบมัลติพอยท์ในการจัดการเรียนรู้เรื่อง อาสาพาเรียนรู้สู่อาเซียน ซึ่งเป็นการสร้างหลักสูตรสาระการเรียนรู้เพิ่มเติมวิชาส่งเสริมนิสัยรักการอ่านในระดับชั้นประถมศึกษาตอนต้น ยังมีการบูรณาการเนื้อหาทักษะวิชาภาษาไทยในชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 และ 2 เพื่อให้นักเรียนมีทักษะในการอ่าน ฟัง ดู พูด เขียน และใช้เทคโนโลยีมัลติพอยท์ในการเรียนรู้ เกิดภาวะผู้นำ ผู้ตาม เสริมสร้างความสามัคคี รู้จักการทำงานเป็นทีมใช้กระบวนการกลุ่มและสนุกกับการเรียนรู้อีกด้วย
เมื่อสิ้นสุดภาคเรียนที่สองของปีการศึกษา 2554 ที่ผ่านมา ได้จัดทำแบบสอบถามเพื่อเก็บรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อการจัดการเรียนรู้วิชาส่งเสริมนิสัยรักการอ่านโดยใช้สื่อบทเรียนโปรแกรมแบบมัลติพอยท์ ระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 โรงเรียนอนุบาลเชียงใหม่ เพื่อนำผลการวิจัยมาใช้เป็นแนวทางในการพัฒนาการจัดการเรียนการสอนโดยสอบถามความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อการจัดการเรียนรู้ 5 ด้าน คือ 1. ด้านเนื้อหาวิชา 2. ด้านผู้สอน 3. ด้านกิจกรรมการเรียนการสอน 4. ด้านสื่อการเรียนรู้และบทเรียนโปรแกรมแบบมัลติพอยท์ 5. ด้านการประเมินผลการเรียนการสอน และข้อเสนอแนะความคิดเห็นเพิ่มเติม ผลปรากฏว่า นักเรียนมีความพึงพอใจในระดับมากที่สุด ในข้อที่ 4 ด้านสื่อการเรียนรู้และบทเรียนโปรแกรมแบบมัลติพอยท์ และด้านการประเมินผลการเรียนการสอน เพราะในโปรแกรมแบบมัลติพอยท์นี้ นักเรียนสามารถทราบผลคะแนนของตนเองได้ทันทีที่ข้อสอบเฉลยในแต่ละข้อ รวมทั้งด้านกิจกรรมการเรียนการสอน ส่วนด้านครูผู้สอนและด้านเนื้อหาวิชาก็มีสัดส่วนความพึงพอใจที่ไม่แตกต่างกัน ทั้งนี้ นักเรียนบอกว่า คุณครูมีการจัดการเรียนรู้ที่ทำให้นักเรียนสนุกเหมือนกับการเล่น เพราะมีทั้งการโยงเส้น ลากวาง หรือการเลือกคำตอบ ที่นักเรียนสามารถทราบผลได้ทันทีทำให้สนุกกับการเรียนมาก ในการจัดการเรียนรู้ครูจะเป็นผู้คัดเลือกเนื้อหาให้สอดคล้องกับหลักสูตรและสามารถออกแบบบทเรียนได้ด้วยตนเองโดยสร้างเหมือน PowerPoint จากโปรแกรม Mouse mischief ซึ่งเป็นโปรแกรมฟรีจากไมโครซอฟท์ และได้รับการถ่ายทอดจากท่านศึกษานิเทศก์ปาริชาติ เภสัชชา จากสำนักงานเขตพื้นที่ประถมศึกษาเชียงใหม่ เขต 2 ซึ่งเป็นผู้ริเริ่มใช้บทเรียนโปรแกรมแบบมัลติพอยท์มานานหลายปี และกำลังโด่งดังในการขยายผลอย่างต่อเนื่อง
การจัดกิจกรรมส่งเสริมนิสัยรักการอ่านผ่านบทเรียนโปรแกรมแบบมัลติพอยท์ในห้องสมุดคลังความรู้คู่เทคโนโลยี โรงเรียนอนุบาลเชียงใหม่ เป็นอีกหนึ่งรูปแบบของการจัดกิจกรรมที่มีการบูรณาการเพื่อให้ผู้เรียนเข้าถึงเทคโนโลยี เพิ่มสมรรถนะในการใช้และมีการจัดกิจกรรมเพื่อเตรียมพร้อมในการก้าวเข้าสู่อาเซียนเป็นการพัฒนาผู้เรียน ซึ่งนับว่าเป็นหัวใจของการพัฒนาคุณภาพการศึกษา มีการบูรณาการในทุกเนื้อหาสาระอย่างหลากหลายเพื่อให้นักเรียนโรงเรียนอนุบาลเชียงใหม่ก้าวสู่ประชาคมอาเซียนอย่างมั่นใจในภูมิรู้ของตนเอง และการเรียนรู้อย่างต่อเนื่องตลอดชีวิตจะเกิดขึ้นได้ นักเรียนต้องมีนิสัยรักการอ่าน ซึ่งสอดคล้องตามคุณลักษณะอันพึงประสงค์ที่ต้องการให้เกิดขึ้นกับผู้เรียน ตามแนวทางการจัดการศึกษาในพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ ที่ยึดหลักว่า ผู้เรียนทุกคนสามารถเรียนรู้และพัฒนาตนเองได้ และถือว่าผู้เรียนสำคัญที่สุด โดยสิ่งที่จะเป็นแรงจูงใจภายนอกให้ผู้เรียนได้กระตุ้นให้เกิดแรงจูงใจภายในคือสิ่งที่เป็นรูปธรรมคือ การจัดห้องสมุดให้เหมาะสมและมีกิจกรรมส่งเสริมการอ่านที่สามารถชักจูงให้ผู้เรียนเข้าร่วมกิจกรรมอย่างมีความสุขจนสามารถสร้างความตระหนักในการรักการอ่านอย่างคงทนตลอดชีวิต
เข้าชม :
3198 [ ขึ้นบน ]
|